• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jessicas, April 04, 2023, 07:33:28 PM

Previous topic - Next topic

Jessicas

1. เนื่องจากว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

เรามิได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่วัน หลายคราที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่หากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะก่อให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น และก็ เพิ่มความเชื่อมั่น ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินการโดยมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเราเคารพนับถือที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยพบทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน รอสั่งคนนู่นทีคนนี้คราว แม้กระนั้นพอใช้ดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากไม่ได้ยังไง ทำไมน่ะหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าถ้าพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานพวกเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องผู้ใดกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกอินเตอร์เน็ต

คนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่ารู้รึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนอกเหนือจากที่จะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารที่พด้วย เพราะ โดยมากคนภายในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา พึงพอใจ ใส่ใจ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แม้กระนั้นบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนคนไม่ใช่น้อยบางทีอาจจะกำลังริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบดีว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายปลายทางเราอยากได้อะไร ทราบว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูทางวิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเรามุ่งมั่นกับชีวิตเพิ่มมากขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาตั้งใจจนกระทั่งหนักใจพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้มีความหมายว่า ให้เราไม่ต้องจิรงหัวใจกับคนไหนกันแน่ แต่ว่า... แปลว่า " เราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนใหญ่ปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้มากมายนี่ห้ามเสียทีเลยจ้า มีคนคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตัวเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราได้เปรียบมากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินงานกับใคร ดังนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต บางทีอาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้พวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับในการทำงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดียิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกฝนไปเรื่อยโดนด่าเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 เยอะแยะ ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ ด้วยเหตุนั้น ล้มเหลวเยอะมากๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามต่างกันระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน พวกเราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้ใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ดังนั้นวันๆเราจึงจะพบแค่สหายร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากรวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็สหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ เรามีความคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ

พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตนเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร พวกเราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงจิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนพ้อง ดังนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนพ้องร่วมทีม ซึ่งโดยมากและก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ พวกเราคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย หากอย ากประสบความสำเร็จ รวมทั้ง เป็นสุข จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ พูดง่ายแต่ทำย ากนะ เพราะว่าลูกจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงจำนวนหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าจ้างนั้นๆ

เราจำต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทมุ่งหวังหากปรารถนาความเจริญในหน้าที่ ถ้างานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่เราทำแล้วพวกเราสุขสบายและทำเป็นดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด นอกเหนือจากการที่จะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราพัฒนาตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากในที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่เรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงงานจนเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นต้องมีผลที่ดีตามออกมาด้วย ตัวอย่างเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/